วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ก่อนสายเกินแก้! เริ่มวันนี้ "วิธีรับมือฝ้ากระ"


ก่อนสายเกินแก้! เริ่มวันนี้ “วิธีรับมือฝ้ากระ”
ผิวสาวขาวสวย ใครๆ ก็ใฝ่ฝัน หน้าใส หน้าขาว ผิวละเอียด สวยเด้งเปล๊งๆ ใครที่พกมาด้วยแต่เกิด ก็สบายหน่อยแต่ใครที่แม่ให้มาไม่ได้ดั่งใจก็คงต้องใช้ เทคนิคต่างๆ เข้าช่วย แต่จะทำให้้ถูก และมีประสิทธิภาพที่สุด Triple K จึงไม่พลาดที่จะเอาเทคนิคเพื่อผิวขาวดีๆ แบบสาวญี่ปุ่น มาฝากกันค่ะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวัสดีค่ะ เวลาที่ส่องกระจก มีใครเคยแอบนึกเล่นๆ เหมือนกันบ้างว่า “ถ้ารอยฝ้าหรือรอยกระตรงนี้หายไป ผิวเราคงจะสวยกว่านี้แน่ๆ~?”
หลายคนทั้งๆ ที่ตอนวัยรุ่น ถึงจะโดนแดดยังไงผิวก็ยังสวยใส แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ พออายุย่างเข้า 20 กว่าๆ รอยฝ้ากระที่สะสมมาก็จะมาพร้อมกันมากมายมาแบบไม่ทันตั้งตัว


หญิงญี่ปุ่นไม่ทราบอายุและไม่สนใจเพราะเธอว่ามันต้องวัดกันที่อายุผิว!!เจ้าของมุมความงามที่งานอดิเรกนอกจากมาเมืองไทยก็คือการเดินตรวจตามเคาเตอร์เครื่องสำอางในห้างทั่วญี่ปุ่น ลามไปถึงร้านชื่อดังอย่าง MatsumotoKiyoshi ศึกษาการดูแลผิวอย่างจริงจังมีเป้าหมายสูงสุดคือการย้อนอายุผิวให้นุ่มใสใกล้กับเด็กทารก!
ใครที่คิดว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องดูแลอะไรมากเป็นพิเศษ ซัก 5 ปีผ่านไป จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิว ที่เห็นแล้วอยากจะร้องไห้ค่ะ ดังนั้นใครที่ยังทัน เริ่มวันนี้ยังไม่สายไป มารู้จักรอยกระฝ้าของตัวเองแล้วหาวิธีการดูแลที่ถูกต้องกันค่ะ

รอยกระฝ้าจากแสงแดด
รอยกระหรือฝ้าที่สาวๆ ในแถบเอเชียมักจะเป็นกันก็คือ รอยกระฝ้าจากแสงแดด ที่เกิดจากการเปลี่ยนสีจนฝังลึกของเม็ดสีในชั้นผิว ทำให้ผิวในส่วนนั้นเกิดสีที่เข้มขึ้นกว่าส่วนอื่นๆ เนื่องจากเมื่อผิวหนังถูกแสงแดดหรือรังสียูวี melanocyte หรือเซลล์เม็ดสีเมลานินก็จะเกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินในบริเวณนั้นๆ ขึ้น เพื่อปกป้องเซลล์ผิวเอาไว้ โดยปกติเมลานินจะถูกส่งไปที่ผิวชั้นนอกของเซลล์และถูกผลัดออกไปพร้อมๆ กับการผลัดเซลล์ผิว แต่ถ้าผิวถูกแสงแดดมากๆ เป็นเวลานานๆ ทำให้เมลานินเพิ่มมากขึ้นหรือแม้แต่ความเครียดที่ทำให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายผิดปกติไป ก็จะทำให้เม็ดสีเมลานินนั้นไม่ถูกผลัดออกไปและสะสมกันอยู่จนทำให้เกิดเป็นรอยฝ้าสีเข้มจนมองเห็นเป็นรอยได้ชัดเจน
สาเหตุของฝ้าและกระไม่ได้มาจากแสงแดดเท่านั้น นอกจากการระวังแสงแดดแล้ว รอยกระฝ้ายังมีความเกี่ยวข้องกับความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ลดลง แสงแดดจะทำให้ภายในผิวหนังเกิดการ Oxidation และกลายเป็นรอยฝ้าหรือกระ ดังนั้นเมื่ออายุมากขึ้นและความสามารถในการต่อต้านอนุลมูลอิสระของร่างกายลดลงทั้งรอยฝ้ากระและความเหี่ยวย่นก็จะเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ดูเหมือนว่ากระฝ้าจะมีหลายแบบ ลองไปจัดประเภทกันค่ะ คนไทยมีรอยกระฝ้าแบบไหนมากที่สุดคะ?
ประเภทของรอยกระฝ้า ที่ญี่ปุ่นจะแบ่งประเภทของรอยฝ้ากระเป็น 3 ประเภท โดยดูจากทั้งสีสัน รูปร่าง จุดที่ขึ้น แล้วก็วิธีการที่กระจายไปบนผิวของเรา ซึ่งบางทีในคนคนเดียวกันอาจจะมีฝ้ากระหลายๆ ประเภทรวมกันอยู่ก็ได้ค่ะ
ประเภทของฝ้ากระ
ลักษณะ
สาเหตุหลัก
เริ่มชัดเจนเมื่ออายุ
กระแดด(日光性黒子)
รวมทั้งแบบที่คล้ายไฝสีดำๆ ที่ขึ้นกับคนแก่
เป็นกระฝ้าที่ขึ้นมากที่สุดบริเวณใบหน้าและที่หลัง เป็นกระสีดำๆที่มองเห็นขอบได้ชัดเจน
แสงแดด รังสียูวี
เริ่มเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เข้าวัยกลางคนแต่บางคนก็เริ่มมีตั้งแต่วัยรุ่น









กระกรรมพันธุ์ (ソバカス)
กระที่ขึ้นบริเวณหน้าผากและจมูกเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดประมาณ 2-3 mmส่วนใหญ่มักจะขึ้นมาพร้อมกันจำนวนมาก
พันธุกรรม
เริ่มเห็นชัดเมื่อเข้าวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 10 ขวบเป็นต้นไป












รอยคราบกระ(カンパン)

กระที่ขึ้นเป็นแนวตามโครงของใบหน้าแบบสมมาตรกันทั้งสองข้าง บางครั้งก็ขึ้นที่หน้าผากและรอบๆ ริมฝีปากด้วย
เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยเลเซอร์เพราะเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย
มักจะเกิดตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปหรือคนที่เริ่มเข้าวัยทอง ไม่ค่อยจะเป็นในช่วงอายุ 20 แต่อาจเกิดได้ในช่วงที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างการรักษาโรคโดยใช้ฮอร์โมน
มาดูแลรอยกระฝ้าด้วยตัวเองกัน
Point 1. ห้ามลืมปกป้องผิวจากรังสี UV

รังสียูวีมีพลังมากกว่าที่หลายคนคิดสามารถทะลุผ่านหน้าต่างหรือ กลุ่มเมฆแม้ในวันที่มืดครื้มไม่มีแดด ดังนั้นคอยป้องกันผิวไม่ให้ต้องรับภาระจากรังสียูวีมากเกินไปด้วยการทาครีมกันแดด ถ้าต้องออกข้างนอก อย่าลืมร่มหรือหมวก หรือปกป้องผิวบริเวณที่อ่อนบางอย่างดวงตาด้วยแว่นตากันแดด

Point 2. ป้องกันไม่ให้ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของร่างกายลดลง
สิ่งสำคัญก็คือการกินอาหารให้สมดุล และ ใช้ชีวิตประจำวันอย่างถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงความเครียด บุหรี่ หรือ แอลกอฮอล์ที่จะเร่งให้การเกิด Oxidation เร็วขึ้น

Point 3. เร่งการผลัดผิว
เพื่อเร่งให้เซลล์ผิวเก่าๆที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มถูกกำจัดออกไป ควรจะล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าที่มีฟองมากๆ เพื่อกำจัดเซลล์และสิ่งสกปรกออกต่างๆ ที่สะสมออกไปอย่างนุ่มนวล นอกจากนั้นการนวดหน้าอย่างเบามือ เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนก็เป็นอีกทางที่ช่วยได้

Point 4. บำรุงผิวด้วยเครื่องสำอางหรืออาหารเสริมที่ช่วยเรื่อง Whitening
การดูแล บำรุงผิวตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญมาก อย่าคิดว่ายังอายุน้อย ไม่ต้องเริ่มดูแลก็ได้ ลองเปรียบเทียบคนที่ดูแลบำรุงแต่เนิ่นๆ อย่างต่อเนื่อง กับคนที่ไม่ได้บำรุงจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน แต่เครื่องสำอางหรืออาหารเสริมเหล่านี้มีหลายแบบ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ลองหาข้อมูลเยอะๆ ดูหลายๆ แบบค่อยเลือกว่าอย่างไหนที่เหมาะกับตัวเอง ข้อสำคัญนั้นอย่าลืมเช็คด้วยว่า รอยฝ้ากระของตัวเองนั้นเป็นแบบไหน ซื้อมาแล้วเมื่อเริ่มใช้ ก็ต้องคอยสังเกตดูว่าเป็นยังไง ถ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะกับเราก็ควรหยุดใช้ หลายคนเสียดายทนใช้ต่อ กลายเป็นว่าต้องมาตามแก้ไขวุ่นวายกว่าเดิม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * Reference: Book:美肌のひみつ(池田書店) (The Secret of Whitening) http://www.daiichisankyo-hc.co.jp/site_cystina/kind/index.html http://www.chocola.com/product/lineup/bblc.htmlMagazine: DigiMaga (By Matsumoto Kiyoshi)
อ้างอิงจาก http://www.olrepublic.com/

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไม่อยากตาย! ต้องลดอ้วน


วิธีการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้น ต้องเน้น 3 อ. คือ 1.อาหาร 2.ออกกำลังกาย และ 3.อารมณ์
ไม่ได้ขู่ แต่คือเรื่องจริง เพราะ ความอ้วน เป็นบ่อเกิดของหลายต่อหลายโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดันโลหิต ไขข้ออักเสบ เป็นต้น ดังนั้นหลายคนจึงสรรหาวิธีสารพัดเพื่อกำจัดน้ำหนักให้หายไป บ้างก็ใช้วิธีกินยา บ้างก็เข้าสถาบันดูแลรูปร่าง บ้างก็ตระเวนหาสูตรอาหารลดน้ำหนัก ที่ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง อ.สง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข บอกในงานเปิดตัวหนังสือ 'อ้วนอันตราย ไม่อยากตาย ต้องลดอ้วน' ว่า วิธีการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้น ต้องเน้น 3 อ. คือ 1.อาหาร 2.ออกกำลังกาย และ 3.อารมณ์ 'อาหารเป็นสิ่งแรกที่คนอ้วนต้องควบคุม บางคนกินสลัดทุกวัน ซึ่งไม่ใช่วิถีชีวิตของคนไทย ดังนั้น หลักการคือกินอย่างไรก็ได้ที่ให้อยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย ใครอยากกินอะไรผมไม่ห้าม แต่ต้องกินอย่างมีสติ อาหารไทยแท้ๆ ได้แก่ ต้ม นึ่ง อบ ย่าง หลาม ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารคอเลสเตอรอลต่ำ และส่วนใหญ่เป็นผักที่มีกากใย ช่วยให้ขับถ่ายดี ลดข้าว น้ำตาล ให้น้อย และเพิ่มผักผลไม้ ที่สำคัญไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดอาการหิวโหย'อ.สง่า บอกต่อ อ.ออกกำลังกาย จะช่วยการสลายไขมันส่วนเกิน ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ด้วยตัวเอง ต้องมีการขยับ ดั่งสโลแกนที่ว่า 'ขยับเท่ากับออกกำลังกาย' ไม่เพียงแต่อธิบายเท่านั้น แต่ยังมีการสาธิตการออกกำลังกายแบบง่ายที่สามารถทำได้ทั้งในที่ทำงานหรือที่บ้าน ลดพุงของคุณๆ ได้อีกด้วย เริ่มต้นจาก นั่งบนเก้าอี้ บริเวณกึ่งกลางเก้าอี้ หลังพิงพนักเก้าอี้ มือทั้งสองวางบนพนักเก้าอี้ เท้าทั้งสองวางบนพื้น จัดลำตัวให้เป็นแนวเส้นตรงจากไหล่สู่สะโพก จากนั้นยกเข่าซ้ายเข้าหาอก ทำซ้ำ 5-30 ครั้ง แล้วสลับขา อีกท่าหนึ่ง เริ่มต้นด้วยการนั่งท่าเตรียมพร้อมข้างต้น จากนั้นยกเข่าซ้ายข้ามเข่าขวา ดึงศอกลงมาชนเข่าหรือต้นเข่าซ้ายทำซ้ำ 15-30 ครั้ง แล้วสลับขาสุดท้าย อ.อารมณ์ ที่ อ.สง่า เจ้าของเคล็ดลับลดอ้วน บอกว่า สำคัญที่สุด เพราะหากจิตใจไม่เข้มแข็ง และไม่มีจุดหมายปลายทาง การลดน้ำหนัก 2 อ.ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทุกอย่างเป็นไปได้ขอให้มุ่งมั่นและไม่ท้อเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

อ้างอิงจาก sanook/campus

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ระวังอ้วนมันจุกหัว "อันตราย" ถึงขั้นอัมพาต

อาการ "มันจุกหัว" ในที่นี้ก็คือ การที่ไขมันที่เรากินเข้าไปอุดหลอดเลือดให้ตีบตับ ในที่สุดก็ไม่มีเลือดพอขึ้นไปเลี้ยงเนื้อสมอง เสร็จ"อัมพาต"กันพอดี
อย่างไรก็ดี เราสามารถตรวจได้ด้วยตัวเองก่อน ดังนี้
1) ให้ลองยิงฟัน
2) ให้แลบลิ้น
3) ให้หลับตาปี๋
4) ให้พูดออกเสียง
5) ถามเวลา สถานที่และชื่อเสียงเรียงนามว่ายังจำได้ดีหรือไม่
แปลผลลัพธ์ 5 อาถรรพณ์แห่ง "มันจุกหัว"
1)หากยิงฟัน (แบบฉีกยิ้มถึงหูให้ยิ้มเหมือนตอนได้รับโบนัส) แล้วคอยสังเกตว่า ถ้ารอยยิ้มมันไม่สมมาตรกัน อาจเบี้ยวไปข้างหนึ่งละก็ระวังตัวไว้เลยว่าหลอดเลือดสมองฝั่งตรงข้ามน่าจะมีตีบหรือแตกแน่
2)หากแลบลิ้นแล้ว ลิ้นดูเอียงเฉไปอีกข้าง ก็คิดไว้ได้เลยว่าในสมองต้องมีอะไรไปอุดแน่
3)ให้ลองหลับตาปี๋สองข้างเหมือนเวลาเห็นผี ถ้าอยู่ดีๆ ตาข้างใดข้างหนึ่งเกิดหลับได้ไม่สนิทดี มันเป็นสัญญาณเตือนว่าสมองด้านหนึ่งเริ่มตัน ขาดเลือดไปเลี้ยงแล้ว
4)ให้ลองพูดออกเสียงดู ถ้าอยู่ดีๆเกิดพูดอ้อแอ้แบบไม่ได้แกล้งเมาดิบหรือ อาการจู่ๆพูดไม่ชัดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าประสาทที่มาเลี้ยงเส้นเสียงมีปัญหาแล้ว ซึ่งศูนย์ใหญ่ของประสาทนี้ก็คือ"ก้อนสมอง"ของเราเอง
5)ถ้าถามชื่อแซ่ เวลา สถานที่แล้ว จำไม่ได้ หรือจำได้แต่ตอบออกมาแบบไม่ตรงคำถาม โดยคนถามไม่ใช่โจทก์เก่าหรือเจ้าหนี้ ถ้าอย่างนี้ต้องระวังว่า อาจมีการอุดตันหรือแตกในส่วนกลางของสมองที่เกี่ยวกับความจำหรือการพูดซึ่งมักเจอได้บ่อยในคนที่มี "มันจุกหัว"จ้า
5 สัญญาณเตือนเหล่านี้ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนเกินไปเพราะจะทำให้แก้ไขไม่ทัน ถ้าหลอดเลือดเนื้อสมองถูกมันจุกจนตายไปหมดแล้ว หรืออย่างบางทีมีท่านผู้สูงอายุที่เริ่มมีไขมันในเลือดสูงมากจะเริ่มมีอาการหลงลืมง่าย มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางเฉื่อยมากขึ้น ต้องระวังมั่กๆ
สูตรสำเร็จเผด็จ"มัน"
สูตรกินเพื่อไม่ให้มันจุกหัวและช่วยให้เรากินอาหารมันได้อร่อยขึ้น ไม่ต้องกินไปผวาไปราวกับอยู่ในสมรภูมิรบ มีให้นำไปใช้ดังนี้จ้า
1)กินกระเทียมสด กินสักวันละ 10 กลีบ หากน้ำหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม
แต่ถ้าน้ำหนักตัวมากกว่า 50 กิโลขึ้นไป ให้กินวันละ 15 กลีบเป็นอย่างต่ำ
2)กินหอมหัวใหญสดสด วันละครึ่งหัวเป็นอย่างน้อย
3)หารำข้าวโอ๊ต (Oat bran) มากินตอนเช้าสัก 1 ถ้วยตวง และตอนเย็นสัก 1 ถ้วยตวง เพราะข้าว โอ๊ตมีกากที่เหมือนกับฟองน้ำจึงช่วยดูดซับไขมันกับน้ำตาลในเลือดที่ล้นเกินได้ดี
4)หามันที่ดีมากินบ้าง อย่างพวกปลาเนื้อมัน หรือน้ำมันปลาสักวันละ 3 เม็ดเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าคุณกินยาแอสไพรินอยู่ควรกินปลาสักวันละ 2 ขีดตามด้วย
5)เลี่ยงกินแป้งและน้ำตาล
6)ออกกำลังเพื่อล้างมัน โดยออกกำลังกายแบบสลับช่วง ประเภทที่ว่าออกหนักๆสัก2นาทีและผ่อนลงสัก 2นาที ทำอย่างนี้สักวันละครึ่งชั่วโมง, วิ่งสลับกับซิทอัพ หรือถ้าไม่ว่างก็ใช้วิธีแกว่งแขนไปข้างหน้า-หลังแบบง่ายๆก่อนนอนสักวันละ 1,000ครั้งก็ได้จ้า
7)กินอาหารผลาญไขมัน โดยเฉพาะที่มีสารแอล-คาร์นิทีนมากสักหน่อย โดยแอล-คาร์นิทีนนี้ช่วยนำไขมันไปเผาผลาญเป็นพลังงานในเซลล์ได้อย่างหมดจด ซึ่งธาตุที่จะช่วยแอล-คาร์นิทีนก็คือ พวกธาตุเหล็ก วิตามินซี และวิตามินบี โดยแหล่งใหญจะอยู่ในเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะสีแดงหรือสีขาว รวมถึงนมวัวด้วย แต่มีน้อยมากในพืชผักจ้า
ต้องขอขอบคุณความรู้ดีๆที่มีให้เราได้อ่านกัน
อ้างอิง จากบทความสุขภาพ นิตยสารคู่สร้างคู่สม ฉบับที่ 630 นพ.กฤษดา ศิรามพุช