อย่างไรก็ดี เราสามารถตรวจได้ด้วยตัวเองก่อน ดังนี้
1) ให้ลองยิงฟัน
2) ให้แลบลิ้น
3) ให้หลับตาปี๋
4) ให้พูดออกเสียง
5) ถามเวลา สถานที่และชื่อเสียงเรียงนามว่ายังจำได้ดีหรือไม่
แปลผลลัพธ์ 5 อาถรรพณ์แห่ง "มันจุกหัว"
1)หากยิงฟัน (แบบฉีกยิ้มถึงหูให้ยิ้มเหมือนตอนได้รับโบนัส) แล้วคอยสังเกตว่า ถ้ารอยยิ้มมันไม่สมมาตรกัน อาจเบี้ยวไปข้างหนึ่งละก็ระวังตัวไว้เลยว่าหลอดเลือดสมองฝั่งตรงข้ามน่าจะมีตีบหรือแตกแน่
2)หากแลบลิ้นแล้ว ลิ้นดูเอียงเฉไปอีกข้าง ก็คิดไว้ได้เลยว่าในสมองต้องมีอะไรไปอุดแน่
3)ให้ลองหลับตาปี๋สองข้างเหมือนเวลาเห็นผี ถ้าอยู่ดีๆ ตาข้างใดข้างหนึ่งเกิดหลับได้ไม่สนิทดี มันเป็นสัญญาณเตือนว่าสมองด้านหนึ่งเริ่มตัน ขาดเลือดไปเลี้ยงแล้ว
4)ให้ลองพูดออกเสียงดู ถ้าอยู่ดีๆเกิดพูดอ้อแอ้แบบไม่ได้แกล้งเมาดิบหรือ อาการจู่ๆพูดไม่ชัดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าประสาทที่มาเลี้ยงเส้นเสียงมีปัญหาแล้ว ซึ่งศูนย์ใหญ่ของประสาทนี้ก็คือ"ก้อนสมอง"ของเราเอง
5)ถ้าถามชื่อแซ่ เวลา สถานที่แล้ว จำไม่ได้ หรือจำได้แต่ตอบออกมาแบบไม่ตรงคำถาม โดยคนถามไม่ใช่โจทก์เก่าหรือเจ้าหนี้ ถ้าอย่างนี้ต้องระวังว่า อาจมีการอุดตันหรือแตกในส่วนกลางของสมองที่เกี่ยวกับความจำหรือการพูดซึ่งมักเจอได้บ่อยในคนที่มี "มันจุกหัว"จ้า
5 สัญญาณเตือนเหล่านี้ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนเกินไปเพราะจะทำให้แก้ไขไม่ทัน ถ้าหลอดเลือดเนื้อสมองถูกมันจุกจนตายไปหมดแล้ว หรืออย่างบางทีมีท่านผู้สูงอายุที่เริ่มมีไขมันในเลือดสูงมากจะเริ่มมีอาการหลงลืมง่าย มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางเฉื่อยมากขึ้น ต้องระวังมั่กๆ
สูตรสำเร็จเผด็จ"มัน"
สูตรกินเพื่อไม่ให้มันจุกหัวและช่วยให้เรากินอาหารมันได้อร่อยขึ้น ไม่ต้องกินไปผวาไปราวกับอยู่ในสมรภูมิรบ มีให้นำไปใช้ดังนี้จ้า
1)กินกระเทียมสด กินสักวันละ 10 กลีบ หากน้ำหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม
แต่ถ้าน้ำหนักตัวมากกว่า 50 กิโลขึ้นไป ให้กินวันละ 15 กลีบเป็นอย่างต่ำ
2)กินหอมหัวใหญสดสด วันละครึ่งหัวเป็นอย่างน้อย
3)หารำข้าวโอ๊ต (Oat bran) มากินตอนเช้าสัก 1 ถ้วยตวง และตอนเย็นสัก 1 ถ้วยตวง เพราะข้าว โอ๊ตมีกากที่เหมือนกับฟองน้ำจึงช่วยดูดซับไขมันกับน้ำตาลในเลือดที่ล้นเกินได้ดี
4)หามันที่ดีมากินบ้าง อย่างพวกปลาเนื้อมัน หรือน้ำมันปลาสักวันละ 3 เม็ดเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าคุณกินยาแอสไพรินอยู่ควรกินปลาสักวันละ 2 ขีดตามด้วย
5)เลี่ยงกินแป้งและน้ำตาล
6)ออกกำลังเพื่อล้างมัน โดยออกกำลังกายแบบสลับช่วง ประเภทที่ว่าออกหนักๆสัก2นาทีและผ่อนลงสัก 2นาที ทำอย่างนี้สักวันละครึ่งชั่วโมง, วิ่งสลับกับซิทอัพ หรือถ้าไม่ว่างก็ใช้วิธีแกว่งแขนไปข้างหน้า-หลังแบบง่ายๆก่อนนอนสักวันละ 1,000ครั้งก็ได้จ้า
7)กินอาหารผลาญไขมัน โดยเฉพาะที่มีสารแอล-คาร์นิทีนมากสักหน่อย โดยแอล-คาร์นิทีนนี้ช่วยนำไขมันไปเผาผลาญเป็นพลังงานในเซลล์ได้อย่างหมดจด ซึ่งธาตุที่จะช่วยแอล-คาร์นิทีนก็คือ พวกธาตุเหล็ก วิตามินซี และวิตามินบี โดยแหล่งใหญจะอยู่ในเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะสีแดงหรือสีขาว รวมถึงนมวัวด้วย แต่มีน้อยมากในพืชผักจ้า
ต้องขอขอบคุณความรู้ดีๆที่มีให้เราได้อ่านกัน
อ้างอิง จากบทความสุขภาพ นิตยสารคู่สร้างคู่สม ฉบับที่ 630 นพ.กฤษดา ศิรามพุช


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น